11 ก.ย. 2025
3 นาที
11 ก.ย. 2025
3 นาที
11 ก.ย. 2025
3 นาที
"ฮอกไกโด" (Hokkaido) ดินแดนทางตอนเหนือของ "ญี่ปุ่น" ที่กลายเป็นจุดหมายในฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะในฤดูร้อน ที่เต็มไปด้วยความละมุนจากแสงแดดอุ่นๆ ท้องฟ้าใส และทุ่งดอกไม้หลากสีสัน ที่บานสะพรั่งทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นลาเวนเดอร์สีม่วงสุดโรแมนติก บางสวนก็มีการรวมเอาดอกไม้หลายชนิดปลูกเต็มเขาแบบพาโนราม่า
ที่นี่มีทั้ง แลนด์มาร์คธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ผสานกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับคนที่อยากหนีความวุ่นวาย มาใช้เวลากับธรรมชาติ เก็บภาพความประทับใจแบบทุกมุมสวย นอกจากนี้การเดินทางมายัง "Hokkaido" ก็ไม่ยุ่งยากเลย สามารถนั่งเครื่องบินตรงจากไทยมาลง "สนามบิน New Chitose" ได้ง่ายๆ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง และคนไทยยังสามารถ เข้าเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบไม่ต้องใช้วีซ่า อีกด้วย
ดังนั้น "ฮอกไกโด ฤดูร้อน" จึงเป็นหนึ่งในทริปในฝันของสายเที่ยวธรรมชาติอย่างแท้จริง ครั้งนี้ กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ และ เพจ Lazy Coup อยากชวนทุกคนจูงมือคนรัก หรือมากับเพื่อนสนิท ออกเดินทางไปฮอกไกโดด้วยกัน กับทริปพิเศษ 4 วัน 3 คืน รับรองว่าอบอุ่นใจทุกวัน เต็มไปด้วยวิวสวยๆ และโมเมนต์ดีๆ ที่จะไม่มีวันลืม ถ้าพร้อมแล้ว… ไปสูดอากาศสดชื่นกลางทุ่งดอกไม้กันเลย
แน่นอนว่า "ทริปฮอกไกโดฤดูร้อน" ครั้งนี้ เราก็ไม่ลืมพกตัวช่วยสำคัญในทุกการใช้จ่ายอย่าง "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" มาด้วย เราใช้บัตรนี้รูดเป็น "สกุลเงินไทย" และ "สกุลเงินเยน" ครบทุกค่าใช้จ่ายระหว่างทริป ไม่ว่าจะเป็น จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ค่าอาหาร ช้อปปิ้งของฝาก เพียงลงทะเบียนก่อนทำรายการผ่านแอป UCHOOSE และมียอดใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด ก็สามารถรับเครดิตเงินคืน ไปแบบจุกๆ ได้เลย
1. "U CHALLENGE ภารกิจเที่ยวให้สุด" ไม่ว่าจะเป็นจองโรงแรม รถเช่า สายการบิน ซื้อประกันการเดินทาง และใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เพียงมียอดใช้จ่ายสะสมครบ 3 หมวด ที่ร่วมรายการ ก็รับคะแนนสะสม 3 เท่า ไปเลย เพิ่มเติมคลิก
2. "จองทุกอย่างในทริปเที่ยว" จองที่พัก โรงแรม ผ่านแอปชั้นนำ Agoda, Traveloka, Trip.com, Booking.com บัตรเข้าสวนสนุก Universal Studios Japan บัตรเข้าสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ (Disneyland) จองตั๋วรถไฟญี่ปุ่น จองตั๋วเครื่องบิน ช้อปที่ King Power และ ประกันการเดินทาง ครบตามเงื่อนไข ก็รับเครดิตเงินคืน* เพิ่มเติมคลิก
3. "ช้อปคุ้ม รูดสกุลเงินต่างประเทศ" กิน เที่ยว ช้อป เป็นสกุลเงินเยน ครบตามเงื่อนไข ก็รับเครดิตเงินคืน* เพิ่มเติมคลิก
4. "0% สั่งได้ทุกอย่าง" เวลาที่เรารูดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป และรวมยอดแบ่งชำระเริ่มต้น 3,000 บาทขึ้นไป ก็สามารถเปลี่ยนเป็นผ่อนชำระ 0% นาน 3 เดือน ได้เลย (ไม่มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นสักบาท) เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการเงินระหว่างทริปสุดๆ เพิ่มเติมคลิก
รองรับทั้งการใช้งานในประเทศและต่างประเทศ "สมัครบัตรเครดิตออนไลน์" ใช้งานง่าย ใช้จ่ายได้คล่อง สิทธิพิเศษตอบโจทย์สายเที่ยวทุกสไตล์ บอกเลยว่า ใครกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะฮอกไกโดช่วงฤดูร้อนแบบนี้ "บัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์" คือตัวช่วยที่คุ้มที่สุด
เริ่มต้นวันแรกของทริป "Hokkaido ฤดูร้อน" หลังจากเดินทางมาถึง "สนามบินซัปโปโร" เราสองคนเลือกเช่ารถขับมาที่ "Farm Tomita" จังหวัดฟุระโนะ ซึ่งเป็นหนึ่งใน จุดชมดอกไม้ที่สวยที่สุดของฮอกไกโด และเป็นไฮไลต์ที่ห้ามพลาดในช่วงหน้าร้อน
จุดเด่นของที่นี่ คือ "ทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่" ที่ปลูกเรียงเป็นแถวสีม่วงเข้มสวยงามทั่วทั้งสวน ทั้งในส่วนที่เป็นพื้นที่ราบและบริเวณเนินเขา ทำให้สามารถเดินเล่นและถ่ายรูปได้หลากหลายมุม ไม่ว่าจะยืน ถ่ายมุมกว้าง หรือถ่ายเจาะดอกไม้ใกล้ๆ ภาพที่ได้ก็ดูสวยละมุนแทบไม่ต้องแต่ง หากเดินทางมากับครอบครัวหรือผู้สูงอายุ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินไกล เพราะที่นี่มีพื้นที่จอดรถใกล้กับสวนดอกไม้ ทำให้สะดวกและเข้าถึงได้ง่าย
ภายในพื้นที่ของ "ฟาร์มโทมิตะ" ยังมีร้านค้า คาเฟ่ และร้านขายของฝากให้เดินเล่นเพลินๆ แนะนำให้ลองชิม "ไอศกรีมรสลาเวนเดอร์" ที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ กลิ่นหอมละมุน รสชาติหวานนิดๆ กินคู่กับวิวทุ่งลาเวนเดอร์ตรงหน้า เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและน่าจดจำ ที่สำคัญคือ เข้าชมฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าชอบบรรยากาศและอยากสนับสนุนการดูแลสวน สามารถเลือกซื้อของจากร้านค้าภายในเพื่อช่วยให้สถานที่แห่งนี้คงความสวยงามต่อไป
เวลาทำการ : ทุกวัน 08.30 - 17.00 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/vZ7CBSRuQMkUuVt19
อีกหนึ่งจุดหมายที่ห้ามพลาดในช่วง ฤดูร้อนของฮอกไกโด ก็คือ Panoramic Flower Gardens Shikisai-no-oka หรือชื่อภาษาไทยว่า "สวนดอกไม้พาโนรามา" ตั้งอยู่ในเมืองบิเอะ ไม่ไกลจากฟุระโนะ เป็นหนึ่งใน สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดของฮอกไกโด ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวิวพาโนรามาของทุ่งดอกไม้ที่ปลูกเรียงไล่เฉดสีบนเนินเขาได้อย่างน่าประทับใจ
ไฮไลต์ของที่นี่คือ การจัดวางดอกไม้เป็นแถวสีสันต่างๆ อย่างมีศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นสีแดง เหลือง ม่วง หรือขาว ก็สลับเฉดกันอย่างสวยงามราวกับภาพวาด โดยเฉพาะเมื่อถ่ายภาพมุมกว้าง จะเห็นวิวของทุ่งดอกไม้หลากสีทอดยาวไปจนสุดสายตา สวยงามจนเหมือนฉากจากโปสการ์ด นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินเล่น หรือหากต้องการความสะดวกก็มี รถกอล์ฟให้เช่าขับชมรอบสวน เหมาะสำหรับทั้งผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการพักผ่อนแบบชิลๆ นอกจากนี้ภายในยังมีร้านขายของฝาก เครื่องดื่ม และขนมท้องถิ่นให้เลือกซื้อและนั่งพักได้อีกด้วย
ค่าเข้าชมสวนอยู่ที่ 500 เยนต่อคน ถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับความสวยงามของสถานที่ หากกำลังมองหาที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ที่เต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศดีๆ สำหรับเก็บภาพความประทับใจ "Shikisai-no-oka" คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08.40 - 17.30 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/Zztqo35dEXgRoLr77
หากกำลังวางแผนเที่ยว "โซน Furano" ในช่วงหน้าร้อน ขอแนะนำให้ปักหมุดที่ "Furano Délice" ร้านขนมหวานชื่อดังที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น โดยหลายคนยกให้ที่นี่เป็นร้านขนมอร่อยอันดับหนึ่งของฟุระโนะ
เมนูขึ้นชื่อของร้าน คือ "ชีสเค้กเนื้อเนียน ไอศกรีมโฮมเมด และพุดดิ้งเนื้อนุ่ม" ที่ละลายในปาก รสชาติละมุน หวานกำลังดี เหมาะสำหรับการนั่งพักระหว่างวัน หรือจิบกาแฟเบาๆ คู่กับขนมอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนอบอุ่น สิ่งที่ทำให้ Furano Délice แตกต่างจากร้านขนมทั่วไป คือ ทำเลที่ตั้งกลางสวนเขียวขจี และการออกแบบร้านที่เรียบง่ายแต่น่ารัก มีมุมถ่ายรูปให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาคู่ หรือมาเป็นครอบครัว ก็สามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่
ร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหา คาเฟ่ฟุระโนะบรรยากาศดี หรืออยากเติมพลังหลังจากเที่ยวทุ่งดอกไม้มาแล้ว ใครเป็นสายของหวานไม่ควรพลาด
เวลาทำการ : ปิดวันอังคาร และพุธ , เปิดให้บริการเวลา 10.00 - 16.30 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/WFUuRA7w6VSGLioD8
ปิดท้ายค่ำคืนของวันแรกในฮอกไกโดอย่างอบอุ่นด้วยการเดินเล่นที่ "Ningle Terrace" หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยามเย็นยอดนิยมในฟุระโนะที่ไม่ควรพลาด! โดยเฉพาะสำหรับคู่รักหรือคนที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ
Ningle Terrace คือ "หมู่บ้านไม้สไตล์คอทเทจ" ขนาดเล็ก ตั้งอยู่กลางป่าสน มีบ้านไม้ประมาณ 15 หลังที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ แต่ละหลังตกแต่งอย่างประณีตและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ภายในร้านจะจำหน่าย งานฝีมือทำมือ เช่น ของตกแต่ง กระดาษเขียนจดหมาย เทียนหอม และของที่ระลึกที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและความตั้งใจของผู้สร้างสรรค์
หากมาในช่วงหัวค่ำ จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงามเป็นพิเศษ เพราะแต่ละร้านจะเปิด ไฟสีส้มอบอุ่น ที่ช่วยเติมเต็มความโรแมนติกให้กับหมู่บ้านแห่งนี้ ท่ามกลางความเงียบสงบของป่าไม้ ทำให้รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในฉากของเทพนิยาย การเข้าชม "นิงเกิ้ลเทอเรส Ningle Terrace" ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่แนะนำให้แวะซื้อของจากร้านค้าภายในสักเล็กน้อย เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นและเก็บของน่ารักๆ กลับบ้านเป็นที่ระลึก
เวลาทำการ : ทุกวัน 11.00 - 19.45 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/2D2siGKn6QHJvsEo6
เริ่มต้นเช้าวันที่สองของทริปด้วยการแวะที่ "Furano Cheese Factory" หนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรยอดนิยมในฮอกไกโด ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของเมืองฟุระโนะ สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการผลิตชีสคุณภาพสูงจากนมวัวสดของฟุระโนะ ที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์
นักท่องเที่ยวสามารถชมกระบวนการผลิตชีสแบบใกล้ชิด ผ่านผนังกระจกใสที่แสดงให้เห็นทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบจนถึงกระบวนการบ่มชีสอย่างพิถีพิถัน หรือหากต้องการเพิ่มประสบการณ์ ยังสามารถเข้าร่วม Workshop ทำชีส เนย หรือไอศกรีมโฮมเมด ที่เปิดให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าร่วมสนุกได้
ภายในบริเวณเดียวกันยังมี ร้านขายชีสและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ให้ลองชิมก่อนตัดสินใจซื้อกลับบ้าน โดยเฉพาะ "ชีสสูตรเฉพาะของ Furano" ที่หลายคนติดใจ รวมถึง "ร้านพิซซาโฮมเมด" ที่ใช้ชีสสดจากโรงงาน ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมที่มักมีคิวยาวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ "ร้านไอศกรีมหลากรส" โดยเฉพาะ รสนมสด และ รสชีส ที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ รสชาติละมุน หอมหวาน และสดชื่น เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนระหว่างวันในบรรยากาศร่มรื่น
Furano Cheese Factory ไม่ใช่แค่ร้านขนมธรรมดา แต่คือ สถานที่ที่ผสานความรู้ ความสนุก และของอร่อยไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย และเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของการมาเที่ยวฟุระโนะในฤดูร้อน
เวลาทำการ : 09.00 - 17.00 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/D7LTB1h7tdRPXJsN7
หนึ่งในแลนด์มาร์กธรรมชาติที่สวยที่สุดของฮอกไกโดช่วงฤดูร้อน ต้องยกให้กับ "Aoi Pond" หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ "Blue Pond Biei" ตั้งอยู่ในเมืองบิเอะ (Biei) ใกล้กับแหล่ง "น้ำพุร้อน Shirogane Onsen" เป็นจุดชมวิวธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและต่างชาติ
ความพิเศษของ "บ่อน้ำสีฟ้า Aoi Pond" อยู่ที่สีของน้ำซึ่งมีความ ฟ้าใสเหมือนอัญมณี โดยสีฟ้านี้เกิดจาก ปฏิกิริยาทางเคมีของแร่ธาตุอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ [Al(OH)₃] ที่อยู่ในน้ำพุร้อน เมื่อสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศและอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดการกระเจิงของแสง จนกลายเป็นสีฟ้าสะท้อนกับแสงแดดอย่างสวยงาม
บริเวณรอบบ่อเงียบสงบและรายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายรูป หรือพักใจท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เส้นทางเดินเท้าได้รับการจัดแต่งอย่างดี ทำให้เดินได้สะดวกและปลอดภัย แม้จะมาเที่ยวคนเดียว หรือมากับครอบครัว สำหรับการเข้าชม ไม่มีค่าเข้าชมรายบุคคล แต่จะมีค่าจอดรถประมาณ 500 เยนต่อคัน ซึ่งมีลานจอดรถอยู่ไม่ไกลจากทางเดินเข้าบ่อ
ใครที่กำลังวางแผนเที่ยว ฮอกไกโดหน้าร้อน และอยากสัมผัสพลังธรรมชาติในมุมที่แตกต่างจากทุ่งดอกไม้ Aoi Pond คืออีกหนึ่งพิกัดที่ไม่ควรพลาด และเป็นจุดที่ ถ่ายรูปขึ้นกล้องมากที่สุดแห่งหนึ่งในฟุระโนะ-บิเอะ เลยก็ว่าได้
ลานจอดรถเปิดให้บริการ : 07.00 - 19.00 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/JxKghfQ6YTDDZr2b7
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Aoi Pond คือ "Shirahige Waterfall" น้ำตกที่มีความสวยงามโดดเด่นด้วย น้ำสีฟ้าสดใส ที่เกิดจากแร่ธาตุพิเศษในน้ำ เหมือนกับบ่อน้ำสีฟ้าแห่งบิเอะ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถไปจอดที่ลานจอดรถใกล้ "สะพาน Shirogane Bridge"
จากนั้นเดินชมวิวและถ่ายรูปน้ำตกได้อย่างสะดวกสบายจากบนสะพานโดยไม่ต้องเดินไกลมาก ทำให้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติแบบสบายๆ บรรยากาศรอบน้ำตกสดชื่น เย็นสบาย พร้อมเสียงน้ำไหลเบาๆ ช่วยเติมพลังและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการแวะพักระหว่างการเดินทางหรือหลังจากเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในฟุระโนะและบิเอะตลอดวัน
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/iphwrnZpVURq8AFA7
ถ้าได้มาเที่ยวในโซนเมือง Biei ต้องไม่พลาดแวะชม "Christmas Tree Biei" หรือต้นคริสต์มาสต้นโดดเดี่ยวที่ตั้งเด่นอยู่กลางเนินเขา ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กและสัญลักษณ์สุดฮิตของเมืองนี้ไปแล้ว บรรยากาศของต้นคริสต์มาสต้นนี้จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ในฤดูหนาวให้ความรู้สึกเหงาโดดเดี่ยว แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์แบบโรแมนติก ส่วนในฤดูร้อน บรรยากาศสดใส น่ารัก และเต็มไปด้วยความอบอุ่นของธรรมชาติสีเขียวรอบด้าน
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและถ่ายรูปกับต้นคริสต์มาสต้นนี้เพื่อเก็บเป็นความทรงจำดีๆ ได้ง่ายๆ เพราะตั้งอยู่ริมถนนที่เข้าถึงสะดวก
หมายเหตุ : พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ดินส่วนบุคคลของชาวบ้านที่ใช้ทำเกษตรกรรม ดังนั้นจึงไม่มีค่าเข้าชมและนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินเข้าไปในพื้นที่ได้ ต้องชมจากริมถนนเท่านั้น
ระหว่างการเดินทางจากเมือง Biei ไปยัง Sapporo เราได้แวะหนึ่งในพิกัดลับที่น่ารักที่สุดในฮอกไกโด นั่นคือ "Catbus Totoro Pass" รถบัสสีเหลืองสดที่ถูกตกแต่งด้วยภาพวาดตัวการ์ตูนแมวจากเรื่อง "My Neighbor Totoro" แบบเต็มคัน แม้จะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แต่จุดนี้กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัว รถบัสตั้งอยู่กลางทุ่งฟาร์มของชาวบ้านบนเนินเขา รายล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียวและวิวเปิดโล่งที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกของ "Studio Ghibli"
ความพิเศษของ Catbus Totoro Pass ไม่ได้มีแค่ความน่ารักของตัวรถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรายละเอียดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่รอบตัวรถ เช่น ป้ายคำพูด ภาพวาดตัวละคร และข้อความเล็กๆ ที่แฟน Ghibli จะต้องประทับใจ
หมายเหตุ : สถานที่นี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของชาวบ้าน ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือร้านค้า ควรแวะถ่ายรูปอย่างเคารพและไม่รบกวนพื้นที่โดยรอบ
หากพูดถึงพระพุทธรูปที่อลังการและมีเอกลักษณ์มากที่สุดในฮอกไกโด หลายคนอาจนึกถึง "พระพุทธรูปบนเนินเขา" ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณ Makomanai Takino Cemetery ทางตอนใต้ของเมืองซัปโปโร องค์พระมีความสูงกว่า 13.5 เมตร ถูกโอบล้อมด้วยเนินเขาและอุโมงค์เปิดโล่งที่ออกแบบให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้จากด้านล่าง จังหวะที่แสงธรรมชาติส่องลงมาเหนือองค์พระ ทำให้ภาพตรงหน้าดูสงบ สวยงาม และเปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธา
ช่วงเวลาที่ "Hill of Buddha" สวยงามที่สุดคือในฤดูร้อน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูที่ทุ่งลาเวนเดอร์รอบองค์พระจะบานสะพรั่ง กลายเป็นพรมธรรมชาติสีม่วงที่ปูพื้นเนินเขาอย่างละมุนตา
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากชมวิวใกล้องค์พระ ยังสามารถเดินขึ้นเนินได้ เพื่อชมทิวทัศน์โดยรอบแบบใกล้ชิด และเก็บภาพความประทับใจได้ในทุกมุมมอง Hill of Buddha ไม่เพียงเป็นจุดหมายของผู้มีศรัทธาในพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่คนรักศิลปะ สถาปัตยกรรม และธรรมชาติไม่ควรพลาด
เวลาทำการ : ทุกวัน 09.00 - 16.00 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/gQQzkGcmZ4HZkkPd8
หากใครมีโอกาสแวะมาเที่ยว "เมืองโอตารุ" หลังจากชมธรรมชาติริมคลองหรือเนินเขาต่างๆ แล้ว ขอแนะนำให้เดินต่อมายัง "Sakaimachi Street" ถนนคนเดินยอดนิยมของเมือง ที่รวมของกินขึ้นชื่อ ร้านขนมญี่ปุ่น และของฝากหลากหลายเอาไว้ในที่เดียว ถนนสายนี้มีความยาวไม่มากนัก แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศน่ารัก มีทั้งร้านอาหารทะเลสด ร้านซูชิ ขนมหวานญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม รวมถึงร้านคาเฟ่บรรยากาศดีที่เหมาะสำหรับแวะพักเหนื่อยก่อนเดินเที่ยวต่อ
หนึ่งในไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด คือ "ซอฟต์ครีมรสชาเขียว โมจิหลากไส้ และข้าวหน้าปลาดิบ" ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่จากท้องทะเลฮอกไกโด นอกจากนี้ยังมีร้านงานฝีมือและของที่ระลึกที่เหมาะสำหรับซื้อกลับไปฝากคนพิเศษ ไม่ว่าจะมาในช่วงฤดูไหน Sakaimachi Street ก็มีเสน่ห์ที่ต่างกันไป แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความอบอุ่นและบรรยากาศเป็นมิตรที่ชวนให้อยากใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานๆ
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/gNekQgGR1T7PBEYu7
สำหรับคนรัก "น้องกระต่าย Miffy" หรือสายคิวท์ที่ชื่นชอบคาเฟ่สไตล์มินิมอลละมุนๆ ต้องไม่พลาดที่นี่เลยค่ะ กับ "Miffy Port Town" ร้านคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกลาย Miffy ที่เพิ่งรีโนเวทใหม่และเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บรรยากาศภายในร้านอบอุ่นและน่ารัก เหมือนหลุดเข้าไปในโลกของ Miffy อย่างแท้จริง ด้านในมีทั้งโซนคาเฟ่ที่เสิร์ฟเมนูขนมและเครื่องดื่มตกแต่งเป็นหน้า "น้องมิฟฟี่" อย่างประณีต น่ารักจนแทบไม่กล้าทาน แต่รสชาติอร่อยกลมกล่อมลงตัว เหมาะกับการนั่งพักผ่อนหรือแวะเติมความหวานระหว่างทริป
ถัดไปจะเป็นโซนของฝากและของใช้ลาย "มิฟฟี่" ที่คัดมาแต่ของน่ารักคุณภาพดี เหมาะสำหรับซื้อกลับไปใช้เอง หรือมอบให้เป็นของขวัญแบบน่าประทับใจ Miffy Port Town เหมาะกับทุกคนที่ชื่นชอบความน่ารักแบบเรียบง่าย และกำลังมองหาคาเฟ่บรรยากาศดีในฮอกไกโดที่ครบทั้งของกินและของช้อป เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาดโดยเฉพาะในฤดูร้อนนี้
เวลาทำการ : ทุกวัน 09.30 -17.30 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/F8wiTHgXhzqCXNw18
หนึ่งในพิกัดที่น่ารักที่สุดของทริปฮอกไกโด ต้องยกให้กับ "Snoopy Village" ร้านคาเฟ่และของที่ระลึกที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Miffy Port Town พอดี เหมาะกับการแพลนมาเที่ยวคู่กันแบบครบความคิวท์ในหนึ่งวัน ตัวร้านโดดเด่นด้วยอิฐบล็อกสีน้ำตาลส้มที่ให้บรรยากาศอบอุ่นตั้งแต่เดินผ่านหน้าร้าน
ภายในแบ่งเป็นสองโซนหลัก คือ โซนคาเฟ่ที่ตกแต่งสบายตา น่านั่ง และโซนร้านขายของที่ระลึกที่เต็มไปด้วยสินค้าลาย Snoopy ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา พวงกุญแจ แก้วน้ำ กระเป๋า หรือของใช้น่ารักๆ ที่เลือกกลับไปเป็นของฝากหรือของใช้เองได้อย่างจุใจ
Snoopy Village เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนคลับ "สนูปปี้" หรือใครที่กำลังมองหาคาเฟ่และช้อปน่ารักๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในฮอกไกโดที่ควรแวะ เพราะนอกจากจะได้ภาพสวยๆ แล้ว ยังได้ความประทับใจกลับไปเต็มกระเป๋า
เวลาทำการ : ทุกวัน 09.30 -17.30 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/dJNpKhAibkMmRrVa8
หนึ่งในจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองโอตารุ (Otaru) คือ "Otaru Steam Clock" ที่ตั้งอยู่หน้า Otaru Music Box Museum อาคารไม้สไตล์ยุโรปที่ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติก นาฬิกาไอน้ำเรือนนี้ถูกผลิตขึ้นด้วยมืออย่างประณีตโดยช่างจากแคนาดา และทำงานด้วยระบบไอน้ำจริงทุกนาที ทำให้เป็นหนึ่งในนาฬิกาไอน้ำที่หาชมได้ยาก และกลายเป็น "สัญลักษณ์สำคัญของเมือง Otaru" ไปโดยปริยาย
จุดเด่นคือทุกๆ 15 นาที จะมีไอน้ำพุ่งออกจากปล่องด้านบน พร้อมเสียงเพลงกล่องดนตรีที่ไพเราะอบอุ่น ทำให้บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยความละมุน และโดยเฉพาะช่วงต้นชั่วโมง (เช่น 10:00, 11:00, 12:00) การแสดงของนาฬิกาจะยาวกว่าปกติ เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวหลายคนตั้งใจรอเพื่อเก็บภาพความประทับใจ "นาฬิกาไอน้ำสุดคลาสสิก" เหมาะสำหรับทั้งคนรักประวัติศาสตร์ งานคราฟต์ และการท่องเที่ยวเชิงศิลป์ ที่ต้องการสัมผัสความน่ารักของเมืองโอตารุในมุมที่คลาสสิกและเต็มไปด้วยกลิ่นอายยุโรป
อีกหนึ่งจุดเช็กอินยอดฮิตของเมืองโอตารุที่ห้ามพลาดคือ Otaru Orgel Museum หรือพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านกล่องดนตรีที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ภายในอาคารไม้สุดคลาสสิกแห่งนี้ เต็มไปด้วยกล่องดนตรีให้เลือกมากกว่า 3,000 แบบ ไม่ว่าจะเป็นกล่องดนตรีขนาดเล็กน่ารักแบบพกพา ไปจนถึงกล่องดนตรีจักรกลโบราณขนาดใหญ่ที่มีรายละเอียดงดงามและหาชมได้ยาก
นอกจากการเลือกซื้อกล่องดนตรีแบบสำเร็จรูป ที่นี่ยังมีโซน DIY กล่องดนตรี ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เลือกกลไก เสียงเพลง และของตกแต่งต่างๆ มาประกอบเป็นกล่องดนตรีชิ้นพิเศษด้วยตัวเอง เหมาะสำหรับเก็บไว้เป็นของที่ระลึกหรือมอบเป็นของขวัญแทนความรู้สึกจากทริปโอตารุได้อย่างประทับใจ Otaru Orgel Museum คือสถานที่ที่เหมาะกับทั้งนักท่องเที่ยวสายคราฟต์ ศิลปะ และผู้ที่ต้องการหาของฝากที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สะท้อนเสน่ห์ของโอตารุได้อย่างอ่อนโยนและน่าหลงใหล
เวลาทำการ : ทุกวัน 09.00 - 18.00 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/R9xjeWUVHQjcRF1B8
หากพูดถึง "เมืองโอตารุ" หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไม่พลาดก็ คือ "คลองโอตารุ" คลองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1923 และยังคงรักษาบรรยากาศวินเทจคลาสสิกไว้ได้อย่างงดงาม คลองสายนี้มีความยาวประมาณ 1,140 เมตร รายล้อมไปด้วยอาคารโกดังสไตล์ยุโรปที่เคยใช้ขนส่งสินค้าในอดีต ปัจจุบันถูกปรับปรุงให้กลายเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร และแกลเลอรีต่างๆ ที่ยังคงกลิ่นอายความย้อนยุคไว้อย่างลงตัว
หนึ่งในกิจกรรมยอดนิยม คือ "การล่องเรือชมคลองโอตารุ" โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่เรือจะเปิดโล่ง ให้นั่งชมวิวสองฝั่งคลองพร้อมบรรยากาศของเมืองเก่า และในช่วงเย็นจะได้เห็นแสงพระอาทิตย์ตกสะท้อนผิวน้ำ เป็นภาพที่โรแมนติกและงดงามจับใจ "Otaru Canal" จึงไม่ใช่แค่สถานที่ถ่ายรูปยอดนิยม แต่ยังเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ชมวิว พักผ่อน หรือใช้เวลาพิเศษร่วมกันในช่วงท้ายของวัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รัก นักถ่ายภาพ หรือใครที่อยากเก็บความทรงจำดีๆ กลับบ้าน
เวลาทำการ : ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/ZCFDyrYtStXjsDfJ7
สำหรับวันสุดท้ายของทริปซัปโปโร ขอแนะนำให้เดินเล่นชิลล์ๆ ที่ "Odori Park" สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่มีพื้นที่กว้างขวางและร่มรื่น สามารถมองเห็น "Sapporo TV Tower" ตั้งตระหง่านเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่นี่จะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เพราะมีการจัด "เทศกาลฤดูร้อน (Summer Festival)" รวมร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม และบูธกิจกรรมมากมาย พร้อมการตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใสเต็มพื้นที่ สร้างบรรยากาศสดชื่นและน่ามาเดินเล่นมากๆ ใครที่มาเยือนซัปโปโรช่วงฤดูร้อน ต้องไม่พลาดโอกาสมาเดินชิลล์ สัมผัสบรรยากาศเทศกาล และลิ้มรสอาหารท้องถิ่นใน "สวนโอโดริ" เพื่อเติมเต็มวันสุดท้ายของทริปให้สมบูรณ์แบบ
เวลาทำการ : ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/jNEUuV6UdgRqVLKS9
"หอนาฬิกาซัปโปโร" เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองซัปโปโร ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมไม้สีเขียววินเทจที่ยังคงความคลาสสิกและสง่างาม ภายนอกโดดเด่นด้วยนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดอาคาร ซึ่งยังคงทำงานและเดินอย่างแม่นยำ สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ผ่านไปมา
ภายใน "Sapporo Clock Tower" ได้รับการปรับปรุงให้เป็น พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการก่อตั้งเมืองซัปโปโรและการก่อสร้างหอนาฬิกาแห่งนี้อย่างละเอียด สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของซัปโปโร หอนาฬิกาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งในการแวะชมในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
เวลาทำการ : ทุกวัน 09.00 - 17.00 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/WZRsiPJ6PXdwWKFX8
อีกหนึ่งพิกัดใหม่ที่น่าสนใจในซัปโปโร คือ "AOAO Sapporo Aquarium" อควาเรียมใจกลางเมืองที่เพิ่งเปิดให้บริการไม่กี่ปี ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของตึก Moyuk Sapporo คอนเซปต์หลักของที่นี่คือ "เมืองที่อยู่ร่วมกับชีวิตทะเล" ซึ่งผสมผสานระหว่างธรรมชาติ ศิลปะ และเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสโลกใต้น้ำในบรรยากาศทันสมัยและแตกต่างจากอควาเรียมทั่วไป
ที่นี่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็ก หรือใครที่หลงใหลในความน่ารักของสัตว์ทะเลและอยากเรียนรู้ความหลากหลายของชีวิตใต้น้ำในรูปแบบที่สนุกและตื่นตาตื่นใจ "AOAO Sapporo Aquarium" จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ควรแวะเมื่อมาเยือนซัปโปโร เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยความสดชื่นจากโลกใต้ทะเล
เวลาทำการ : ทุกวัน 10.00 - 22.00 น.
พิกัดใน Google Maps : https://maps.app.goo.gl/7YLJDUBHh3mipFNM7
สำหรับทริปนี้ เป็น Travel Guide การมาเที่ยว "ฮอกไกโด ฤดูร้อน" ที่เหมาะกับคนไทยที่อยากเที่ยวต่างประเทศในเวลาสั้นๆ นอกจากจะสนุกได้เต็มที่ทั้งกิน เที่ยว ช้อปใน แล้ว "บัตรเครดิต" ที่เป็นเพื่อนซี้นักเดินทางก็ต้องยกนิ้วให้ "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" เพราะสามารถเปลี่ยนยอดรูดเต็มเป็นการผ่อนชำระ "0% นาน 3 เดือน*" แบบ Smart ทุกการใช้ง่ายๆ เพียงเลือกยอดที่ต้องการผ่อนผ่านแอป UCHOOSE ได้ด้วยตนเอง เพิ่มความสะดวกสบายและคุ้มค่ามากขึ้นไปอีก แถม "รูดช้อปเป็นสกุลเงินเยน" ก็ได้ยังได้รับ "Cash Back" ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ใครสายเที่ยวฮอกไกโด ฤดูร้อนต้องพกบัตรนี้ไว้เพื่อวางแผนทริปอย่างคุ้มค่าทุกการใช้จ่าย และขอย้ำเรื่องโปรโมชั่นสุดฟิน ที่ใครกำลังจะเดินทางไป "ญี่ปุ่น" ห้ามพลาดเด็ดขาด
1. "U CHALLENGE ภารกิจเที่ยวให้สุด" ไม่ว่าจะเป็นจองโรงแรม รถเช่า สายการบิน ซื้อประกันการเดินทาง และใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เพียงมียอดใช้จ่ายสะสมครบ 3 หมวด ที่ร่วมรายการ ก็รับคะแนนสะสม 3 เท่า ไปเลย เพิ่มเติมคลิก
2. "จองทุกอย่างในทริปเที่ยว" จองที่พัก โรงแรม ผ่านแอปชั้นนำ Agoda, Traveloka, Trip.com, Booking.com บัตรเข้าสวนสนุก Universal Studios Japan บัตรเข้าสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ (Disneyland) จองตั๋วรถไฟญี่ปุ่น จองตั๋วเครื่องบิน ช้อปที่ King Power และ ประกันการเดินทาง ครบตามเงื่อนไข ก็รับเครดิตเงินคืน* เพิ่มเติมคลิก
3. "ช้อปคุ้ม รูดสกุลเงินต่างประเทศ" กิน เที่ยว ช้อป เป็นสกุลเงินเยน ครบตามเงื่อนไข ก็รับเครดิตเงินคืน* เพิ่มเติมคลิก
ส่วนใครที่ยังไม่มี "บัตรเครดิต" อ่านรีวิวในทริปนี้แล้วรู้สึกว่าบัตรนี้แหละที่ควรมีกระเป๋า แค่มีรายได้ประจำตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ก็ "สมัครบัตรเครดิตออนไลน์" กันได้แล้วนะ ยิ่งตอนนี้มีโปรโมชั่นแรกเข้าสำหรับสมาชิกใหม่ด้วย และขอแนะนำช่องทางใหม่สมัครผ่านแอป UCHOOSE ช่วยให้การสมัครบัตรเครดิตสะดวก รวดเร็ว อนุมัติไว พร้อมติดตามสถานะผ่านแอปได้เลย
เอาเป็นว่าถ้าอยากได้โปรโมชั่นดีๆ ก็อย่าลืมใช้จ่ายผ่าน "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" การันตีว่าคุ้มอย่าบอกใครเลยแหละ รับรองว่าคุ้มค่าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สายเที่ยวอย่างแน่นอน
ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
4 ม.ค. 2025
145687
7 ส.ค. 2025
128452
1 ม.ค. 2025
100611
21 มิ.ย. 2024
278590
3 ก.ค. 2024
170885
4 ม.ค. 2025
145687