ไม่อยากเสียสิทธิ์ต้องรู้! Easy e-Receipt คืออะไร? เงื่อนไขเป็นอย่างไร? ซื้ออะไรได้ไม่ได้บ้าง? ลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาท แล้วลดหย่อนได้จริงเท่าไหร่? วันนี้เฟิร์สช้อยส์สรุปประเด็นสำคัญแบบเข้าใจง่ายมาให้แล้ว!

Easy e-Receipt คือ อะไร?

Easy e-Receipt เดิมชื่อ e-Refund  เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายการซื้อสินค้าและบริการมาใช้หักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุด 50,000 บาท โดยหลักการก็จะคล้าย ๆ กับโครงการช้อปดีมีคืน 2566 ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้นั่นเอง 

เงื่อนไขสำหรับการใช้สิทธิ์ Easy e-Receipt

▪ ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล)
▪ ซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) 
▪ ยกเว้นสินค้าต่อไปนี้ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่สามารถนำมาลดหย่อนได้ ได้แก่ ค่าหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ทั้งแบบเล่มปกติและแบบ e-book รวมถึงสินค้า OTOP
▪ เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 - 15 ก.ค. 2567
▪ ใช้ลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาปี 2567 (ยื่นแบบต้นปี 2568) 

หลักฐานในการใช้สิทธิ์ Easy e-Receipt

จำเป็นต้องมีหลักฐาน ใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือ ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ที่ออกโดยระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร

สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติให้ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์บนระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ได้ตามกฎหมาย ได้ที่นี่ คลิกเลย!

สินค้าและบริการที่ไม่เข้าร่วมโครงการ Easy e-Receipt

▪ ค่าสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ 
▪ ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
▪ ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
▪ ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า 
▪ ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต 
▪ ค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลง การให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 67 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 ก.พ. 67 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 67 ถึงวันที่ 15 ก.พ. 67
▪ ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีได้จริงเท่าไร?

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ลดหย่อนในจำนวนเท่ากัน การคำนวณจำนวนภาษีที่ลดหย่อนได้จริงขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละคนด้วย ตัวอย่าง เช่น

▪ ผู้ที่มีเงินได้สุทธิ ไม่เกิน 150,000 บาท/ปี จะได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้นแม้จะใช้จ่ายตามโครงการสูงสุด 50,000 บาท ก็จะไม่ได้รับการลดหย่อนภาษี 
▪ ผู้ที่มีเงินได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท/ปี ต้องเสียภาษี 5% ดังนั้นหากใช้จ่าย 10,000 บาท จะลดหย่อนภาษีได้จำนวน 500 บาท หรือหากใช้จ่ายสูงสุด 50,000 บาท จะลดหย่อนได้สูงสุด 2,500 บาท

รู้แล้วนักช้อปทั้งหลายอย่าลืมเช็คเงื่อนไขก่อนช้อป ช้อปเสร็จอย่าลืมเก็บใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ไว้เป็นหลักฐานเพื่อยื่นแบบในปีหน้ากันด้วยนะ

ถ้าอยากช้อปคุ้มได้เงินคืนยิ่งกว่าเดิมก็ต้องช้อปผ่านบัตรเฟิร์สช้อยส์ ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ได้ทั้งลดหย่อนภาษี ได้ทั้งแคชแบ็ค ไม่พอ! ยังสะสมคะแนนแลกแคชแบ็คเพิ่มได้อีก ดูโปรโมชั่นอื่นๆ เพิ่มเติมคลิก
 

ใช้หรือกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 0% - 16% ต่อปี สำหรับวงเงินบัตรเครดิต และ 25% สำหรับวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล