หนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงฯ แล้วมุ่งตรงไปยัง "กาญจนบุรี" กันดีกว่า อีกหนึ่งจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของไทย ใช้เวลาขับรถเพียงไม่นานก็จะได้สัมผัสกับเส้นทางธรรมชาติที่แสนอุดมสมบูรณ์ วันนี้กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ และ เพจ Lazy Coup อยากชวนทุกคนไปพักใจกันแบบ 3 วัน 2 คืน ขอกระซิบบอกก่อนเลยว่าแต่ละที่ที่เลือกมา คือ ปังไม่ไหว จะมีที่ไหนบ้าง ตามมาดูพร้อมกันเลยยย

พิกัดที่ 1 : Mulberry Mellow

ขับรถมาถึง "กาญจนบุรี" ปุ๊บ ก็ขอแวะที่ "Mulberry Mellow" ก่อนเลย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี ห่างจากศาลากลางจังหวัดแค่ประมาณ 5 กม. เท่านั้น คาเฟ่ที่นี่ถูกออกแบบเป็น Open Air ตอบโจทย์สำหรับคนรักธรรมชาติ มีพื้นที่สีเขียว มองเห็นภูเขาและลำธาร วิวทิวทัศน์เหมาะให้เราได้อิงแอบพักผ่อนสูดบรรยากาศเป็นที่สุด

สำหรับ "มัลเบอร์รี่ เมลโล่" มีทั้งโซน indoor และ outdoor ด้านในของคาเฟ่ จะเป็นสวนขนาดใหญ่ ร่มรื่นจากเงาของต้นไม้ ทำให้บรรยากาศของที่นี่น่ามานั่งพักผ่อนในทุกช่วงเวลา แต่ที่พลาดไม่ได้เลย คือมุมถ่ายรูปและพร็อบแน่นๆ นอกจากนี้อยากให้ลองชิมอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ การันตีว่าอร่อยทุกอย่าง ซึ่งในแต่ละเมนูก็จะมีส่วนผสมของมัลเบอร์รี่เป็นหลัก แถมราคาก็ไม่แพง ใครที่กำลังจะมาเที่ยวที่กาญจนบุรี อย่าลืมเซฟพิกัดนี้ไว้ รับรองว่าจะประทับใจแน่นอน อ๋อ!! ลืมบอกว่าคาเฟ่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น. เลยแหละ

พิกัดที่ 2 : The Three Bubble Houses

ไฮไลท์ของทริปนี้ที่อยากแนะนำมากเป็นพิเศษ คือ "The Three Bubble Houses" ที่พักโดมใสลอยน้ำแห่งแรกของไทย ที่พร้อมเปิดต้อนรับนักเดินทางให้ไปสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนแบบ Heavenly glamping experience ที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากวิถีชีวิตในบ้านลอยน้ำหรือแพพักซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวกาญจนบุรี

ภายใน "บับเบิ้ลลอยน้ำ" หรือ "Floating Bubble House" จะเป็นโซนโปร่ง โล่ง สบาย อากาศถ่ายเท ยิ่งวิวนอกห้องพักบอกเลยว่าเอาไป 10 คะแนนเต็ม ช่วงเวลานี้แหละที่เราจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มที่ และลืมเรื่องราววุ่นวายในชีวิตไปชั่วขณะ อะไรจะดีไปกว่าการได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางเทือกเขาเขียวชอุ่ม พร้อมจิบเครื่องดื่มและเปิดเพลงเบาๆ คลอไปกับเสียงสายน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำแควน้อย

ส่วนเรื่องของราคาห้องพักจะอยู่ที่ 5,900 บาท/คืน สำหรับเต็นท์บับเบิ้ลบนบก และ 6,900 บาท/คืน สำหรับเต็นท์บับเบิ้ลลอยน้ำ ซึ่งราคาดังกล่าวจะรวมอาหารเช้า อาหารเย็น (เลือกได้ระหว่างชาบู หรือ หมูกระทะ) และกิจกรรมล่องแพ อีกอย่างที่ควรค่าแก่การสั่งเพิ่มก็คือ เซ็ต "Afternoon Tea" ชุดละ 590 บาท คือแบบ...เริ่ดไม่หยุด ขนมอร่อย ชาก็ดี วิวก็ปัง ฮีลจิตใจได้ดีมาก ซึ่งที่พักมีจัดโปรโมชั่นอยู่เรื่อยๆ สามารถติดตามที่หน้าเพจ "The Three Bubble Houses " ได้เลย

พิกัดที่ 3 : ต้นจามจุรียักษ์

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของกาญจนบุรีที่ห้ามพลาด "ต้นจามจุรียักษ์" ที่มีอายุยาวนานกว่าหลายร้อยปี รัศมีทรงพุ่มของต้นประมาณ 25.87 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 51.75 เมตร และสูงกว่า 20 เมตร นอกจากนี้บริเวณรอบๆ "ต้นจามจุรี" หรือ "ต้นก้ามปู" ยังถูกโอบล้อมด้วยสะพานแบบวงกลมที่ยกตัวสูงเหนือพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเหยียบรากไม้ใหญ่ที่โผล่ออกจากดิน เพราะความใหญ่โตนี้ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดกาญจนบุรี ต้องแวะเวียนไปชมกันแทบทุกราย ที่สำคัญไม่มีค่าเข้าชมด้วย

พิกัดที่ 4 : U and Me Café

มาถึงญี่ปุ่นแล้ว!! เอ้ยยยยไม่ใช่ นี่คือ "U and Me Café" คาเฟ่สุดฮิตติดท็อปชาร์จอยู่ในเวลานี้ ที่นี่ถูกตกแต่งหลากหลายแบบ โดยถ่ายทอดความสวยงามผ่านโซนต่างๆ อาทิ โซนทุ่งหญ้าเกาหลี โซนญี่ปุ่น โซนบาหลี และยังมีมุมสุดฮิตมากกว่า 20 จุด

ขอเริ่มสตาร์ทโซนแรกที่ "ทางรถไฟยูแอนด์มี" มุมนี้มาในสไตล์ญี่ปุ่น ป้ายรถเมล์คาวาอิเนะ และร้านไอศครีมสุดคิ้วท์ ให้เราได้ไปถ่ายรูปน่ารักๆกัน อย่างน้อยมุมตรงนี้ก็ทำให้เราคลายความคิดถึงประเทศญี่ปุ่นไปบ้างแหละเนอะ

ถัดมาที่โซน "ทุ่งหญ้าเกาหลียูแอนด์มี" ทุ่งดอกไม้สีสันสดใสคัลเลอร์ฟูล ที่ให้ฟีลบรรยากาศเหมือนเกาหลี ใครยังไม่ได้มา ถือว่าพลาดมากกกก!! มีโดมใสและพร็อบแน่นจัดเต็มให้เราเข้าไปถ่ายรูปเล่นกัน ใครที่อยากจะเข้ามาถ่ายรูปสามารถเลือกจ่ายได้ 2 แบบ คือ ค่าเข้าชมสวนอย่างเดียว 50 บาท หรือ ซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้ว/คน ก็สามารถเข้าชมได้แล้ว

ส่วนมุมเด็ดอีกที่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือโซน "รังนกบาหลียูแอนด์มี" ขอบอกว่าตรงนี้ฮิตตลอดกาล ยังไงก็ต้องมาเซลฟี่เก็บไว้ รับรองว่ามีภาพสวยๆไว้ให้ลงในโซเชียลได้หลายอาทิตย์แน่นอน นอกจากนี้ก็ยังมีมุมอื่นๆให้เราได้ตามไปเช็คอินอีกเยอะเลย ส่วนเรื่องอาหาร ขนมหวาน เครื่องดื่ม ก็อร่อยเด็ดไม่แพ้มุมถ่ายรูปกันเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากไปเก็บภาพความทรงจำก็สามารถไปได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30 - 19.00 น. รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

มาถึงไอเท็มยอดฮิตที่หลายคนถามเข้ามาว่า ทุกทริปที่กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ และ เพจ Lazy Coup พาไป ใช้อุปกรณ์อะไรในการถ่ายรูปถึงได้ออกมาสวยโดนใจขนาดนี้ และนี่ก็คือเซ็ตที่ใช้ถ่ายทำในครั้งนี่นั่นเอง แน่นอนว่าถ้าอยากได้รูปภาพสวยๆก็ต้องห้ามพลาดอุปกรณ์ดีๆเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็น กล้องถ่ายรูป มือถือ โดรน และอุปกรณ์อัดวิดิโอ ใครที่มีแพลนจะซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ อย่าลืมรูดผ่าน "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" เลือกได้ทั้งแบบรูดเต็ม และผ่อนชำระ แล้วแต่สะดวกกันไปเลย

1. สายรูดเต็ม : "โปรโมชั่นรูดหมวดไหนก็ได้ Cash Back" รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% เพียงมียอดใช้จ่ายสะสมตามหมวดที่ร่วมรายการ เพิ่มเติมคลิก นอกจากจะได้คะแนนสะสมแล้ว ยังสามารถทำรายการ "0% สั่งได้ทุกอย่าง" ได้ด้วยนะ (แต่ถ้าทำรายการ 0% สั่งได้ทุกอย่าง จะไม่ได้รับคะแนนสะสม) เพิ่มเติมคลิก

2. สายผ่อน : "ผ่อนกล้อง และอุปกรณ์ถ่ายภาพ O%*" พร้อมรับเงินเครดิตคืนสูง บอกเลยว่าผ่อนชิลล์สบายมากเว่อร์ เพิ่มเติมคลิก

สำหรับทริปนี้ตัวช่วยในเรื่องของความคุ้มค่าในการใช้จ่ายต้องขออวยยศให้ "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" บัตรเดียวตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะกิน เที่ยว ช้อป เติมน้ำมัน และอื่นๆอีกมากมาย เพราะมีโปรโมชั่นที่เหมาะสำหรับทุกคนนั่นก็คือ

1. "0% สั่งได้ทุกอย่าง" เวลาที่เรารูดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป และรวมยอดแบ่งชำระเริ่มต้น 3,000 บาทขึ้นไป ก็สามารถเปลี่ยนเป็นผ่อนชำระ 0% นาน 3 เดือน ได้เลย (ไม่มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นสักบาท) เพิ่มเติมคลิก

2. "#คืนทุกครั้งทันทีที่ใช้" รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%* ครอบคลุมแทบทุกหมวดในชีวิต แถมยังสามารถตรวจสอบแทรคกิ้งยอดใช้ที่ร่วมแคมเปญ และยอดเงินคืนที่จะได้รับง่ายๆผ่านแอป UCHOOSE เพิ่มเติมคลิก

ก่อนจากกันหวังว่าทริปเที่ยว "กาญจนบุรี" จะเป็นตัวช่วยให้หลายคนได้มีเวลาวางแพลนหาที่เที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และใครที่ยังไม่มี "บัตรเครดิต" ก็สามารถ "สมัครบัตรเครดิตออนไลน์" ได้เลยแค่มีรายได้ประจำตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป และขอแนะนำช่องทางใหม่สมัครผ่านแอป UCHOOSE สมัครง่าย อนุมัติไว พร้อมติดตามสถานะผ่านแอปได้เลย แถมช่วงนี้ยังมีโปรแรกเข้าด้วย ส่วนเวลาใช้จ่ายก็อย่าลืมใช้จ่ายผ่าน "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" รับรองว่าคุ้มและตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน